เทคนิครักษา “ด้ามคันเบ็ด” ที่ถูกต้อง

หากใครเป็นนักตกปลาในระดับมืออาชีพ เชื่อว่าหลายๆ คน คงน่าจะมีอุปกรณ์ต่างๆ อย่างครบครันเลยทีเดียว ซึ่งการซื้ออุปกรณ์มาครอบครองเป็นเจ้าของ จำเป็นต้องใช้เงินในระดับหนึ่งเลย เนื่องจากบางสิ่งมีราคาค่อนข้างแพงพอสมควร นั่นจึงเป็นเหตุให้เราควรดูแลรักษาอย่างดี เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านั้นสามารถใช้งานได้ยาวนานที่สุด แต่การดูแลรักษาต้องทำแบบถูกวิธีด้วย เพราะถ้าเกิดทำผิดวิธี อาจทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวชำรุดสึกหรอเอาได้ เราในฐานะคนที่ชื่นชอบการตกปลาเลยต้องให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน

“คันเบ็ด” คือหนึ่งในอุปกรณ์การตกปลา ที่มีความสำคัญมากๆ โดยหากใครเป็นนักตกปลาคงทราบกันดี ซึ่งแม้คันเบ็ดจะมีความแข็งแรงทนทานขนาดไหนก็ตาม ย่อมต้องมีการดูแลรักษาเหมือนกัน หากเราหมั่นทำความสะอาดหลังจากการใช้งานบ่อยๆ ก็จะช่วยให้คันเบ็ดเงางามเสมอ ที่สำคัญคือช่วยยืดอายุการใช้งานออกไปอีกด้วย ส่วนคนไหนปล่อยคันเบ็ดทิ้งขว้าง แล้วค่อยมาทำความสะอาดก่อนใช้งานอีกที คิดว่าอุปกรณ์คงจะไม่สามารถใช้งานได้อย่างยืดยาว เผลอๆ จะต้องมาเสียเงินซื้อใหม่กันอีกครั้งด้วยซ้ำไป ทางเราจึงอยากชวนทุกคนมาศึกษาวิธีการดูแลรักษาด้ามคันเบ็ดในแบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ให้ลองไปทำตามกันได้เลย รับรองหลังจากนี้หากคุณไปทำกิจกรรมการตกปลากับเพื่อนๆ เมื่อหยิบคันเบ็ดออกมาโชว์ กลุ่มเพื่อนจะต้องสะดุดตาในความเงางามกันเลยทีเดียว

“ด้ามคันเบ็ด” ควรดูแลรักษาอย่างไรบ้าง

ต้องขอบอกก่อนว่าหลังจากเราทำกิจกรรมการตกปลาจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว พยายามอย่าปล่อยคันเบ็ดทิ้งขว้าง แต่ควรนำมาเช็ดทำความสะอาดด้ามคันเบ็ดเสียก่อน แล้วค่อยนำไปเก็บตามมุมต่างๆ ของบ้าน โดยวิธีการดูแลรักษาไม่ยากเหมือนที่คิด แต่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยอุปกรณ์ทำความสะอาดรอบตัวเรา ซึ่งคิดว่าทุกบ้านคงน่าจะมีอุปกรณ์ทำความสะอาดเหล่านี้กันอยู่แล้ว ดังนั้นไปเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดมาให้ครบถ้วน แล้วมาลงมือทำไปพร้อมๆ กันเลย

อุปกรณ์ทำความสะอาด

อุปกรณ์ทำความสะอาดที่จำเป็นต้องใช้ มีทั้งหมด 3 สิ่ง ดังต่อไปนี้ 

1.น้ำยาล้างจาน

2.ฟองน้ำ

3.กระดาษทิชชู / ผ้าซับ

ด้ามยางหรือโฟม

ปัจจุบัน “ด้ามยาง” หรือ “โฟม” มีอยู่ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน เนื่องจากมีราคาในการวางจำหน่ายไม่แพงมากนัก หลายคนจึงเลือกซื้อด้ามลักษณะแบบนี้ ส่วนการทำความสะอาดนั้น ก่อนอื่นต้องเอาน้ำยาล้างจานมาผสมกับน้ำสะอาด แล้วพยายามคนๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน ต่อมาใช้ฟองน้ำไปชุบลงในส่วนผสม และเช็ดทำความสะอาดให้ทั่วด้าม หลังจากเช็ดจนทั่วทั้งด้ามเรียบร้อยแล้ว ต้องเช็ดด้วยกระดาษทิชชู่หรือผ้าสะอาดอีกครั้ง พร้อมกับนำไปตากแดดจนกว่าจะแห้งสนิท

ด้ามก๊อก

สำหรับ “ด้ามก๊อก” นับว่าเป็นอีกส่วนที่ต้องหมั่นเอาใจใส่ โดยหากใครเป็นนักตกปลาระดับมืออาชีพ คงจะดูแลรักษาบ่อยๆ อยู่แล้ว ส่วนคนไหนยังเป็นมือใหม่อยู่ อย่าลืมทำความสะอาดกันด้วย ซึ่งขั้นตอนแรกต้องเอาน้ำยาล้างจานมาหยดลงในฟองน้ำ ผสมด้วยน้ำสะอาดอีกนิดหน่อย เพื่อให้เกิดความชุ่มชื้น จะได้ง่ายต่อการเช็ดทำความสะอาด ขั้นตอนต่อมาต้องลงมือเช็ดอย่างเบาๆ ด้วยความพิถีพิถันเป็นพิเศษ เช็ดต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งเริ่มขาวในที่สุด จากนั้นค่อยล้างด้วยน้ำสะอาด หยิบกระดาษทิชชูมาซับน้ำจนแห้ง แล้วค่อยเอาไปเก็บไว้ตรงส่วนไหนสักแห่งของบ้าน

ก๊อกเคลือบ

เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่ทำความสะอาดง่ายที่สุด เชื่อว่าคงจะไม่พ้น “ก๊อกเคลือบ” ไม่จำเป็นต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่มากสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ควรหมั่นทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อให้อุปกรณ์ดูมีความเงางามน่าใช้งานเสมอ ด้วยวิธีการง่ายๆ เพียงแค่นำผ้าไปชุบน้ำ แล้วเอามาเช็ดทำความสะอาดให้ทั่ว เมื่อทำจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรนำกระดาษทิชชูมาซับน้ำออกจนแห้ง แล้วค่อยนำไปเก็บเอาไว้ภายในบ้าน โดยหากหยิบจับมาใช้งานอีกเมื่อไหร่ ก็นำกลับมาทำความสะอาดแบบเดิม

ก๊อกเคลือบด้าน

ในส่วนของ “ก๊อกเคลือบด้าน” คือส่วนที่จำเป็นต้องดูแลรักษาเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าการดูแลง่ายกว่า “ด้ามยาง” และ “ด้ามก๊อก” อยู่พอสมควร โดยสามารถทำความสะอาดได้ด้วยน้ำยาล้างจาน เริ่มต้นจากการนำฟองน้ำมาชุบน้ำยาล้างจาน ค่อยๆ เช็ดทำความสะอาด เอาน้ำเปล่ามาล้างคราบน้ำยาล้างจานออกไปจนหมดเกลี้ยง พร้อมกับใช้กระดาษทิชชู่ซับจนแห้ง ซึ่งต้องขอย้ำปิดท้ายว่าควรทำอย่างเป็นประจำหลังจากผ่านการใช้งาน

คนไหนอ่านบทความมาจนถึงตรงนี้แล้ว คงทราบถึงเทคนิคในการดูแลรักษาด้ามคันเบ็ดกันอย่างละเอียดแล้ว ซึ่งวิธีการทำความสะอาดทั้งหมดในข้างต้น ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีง่ายๆ สามารถลงมือทำด้วยตัวเองได้ทันทีเลย แถมอุปกรณ์ต่างๆ ในการเช็ดทำความสะอาด ทุกบ้านคงจะมีกันอยู่ครบถ้วนแล้ว ดังนั้นอย่าลืมไปลองทำตามขั้นตอนต่างๆ ที่เพิ่งอธิบายไปด้วย มั่นใจเหลือเกินว่าจะต้องช่วยให้ด้ามคันเบ็ดกลับมาเงางามเหมือนใหม่อย่างแน่นอน ใครชื่นชอบการตกปลาแบบเป็นชีวิตจิตใจ จึงต้องรีบไปทำความสะอาดกันแล้ว แต่นอกเหนือจากด้ามคันเบ็ด ส่วนอื่นๆ ของเบ็ดตกปลาก็จำเป็นต้องดูแลรักษาความสะอาดด้วย จะช่วยให้อุปกรณ์อยู่คู่กับเราไปยาวนานที่สุด