คนไหนเป็นนักตกปลาระดับตัวยงมาแต่เดิมอยู่แล้ว คงจะทราบกันดีว่าการตกปลานั้นคือเรื่องง่ายๆ ที่หลายต่อหลายคนสามารถทำได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับบรรดาเหล่านักตกปลามือใหม่ทั้งหลายแล้ว อาจจะเป็นเรื่องใหญ่มากกว่าที่คิด ยิ่งใครไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อนเลยอาจจะค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควรเลยทีเดียว จึงจำเป็นต้องค่อยๆ ลองเรียนรู้กันไป เพื่อให้สามารถตกปลาได้อย่างเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้นในอนาคตข้างหน้า ยอมรับว่าในช่วงระยะแรกๆ ของการเรียนรู้ ย่อมต้องเกิดความเหนื่อยหน่าย และท้อแท้บ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าเกิดคุณไม่ลดละความพยายาม เชื่อว่าในอนาคตคุณจะสามารถทำมันได้แน่นอน

มั่นใจว่าทุกคนคงน่าจะเคยเห็นชุดเบทคาสติ้ง ที่ใช้สำหรับการตกปลากันมาบ้างแล้ว โดยอุปกรณ์ดังกล่าวมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ถือเป็นอุปกรณ์ที่นักตกปลาทุกคนควรมีเอาไว้ติดบ้าน แต่เมื่อเราซื้อชุดเบทคาสติ้งมาครอบครองเป็นเจ้าของเรียบร้อยแล้ว ก็จำเป็นต้องเรียนรู้การใช้งานให้ละเอียด จะทำให้การตกปลาของคุณประสบผลสำเร็จ สามารถตกปลาตัวใหญ่ๆ มารับประทานได้แบบชิลๆ กันไปเลย แต่ก่อนอื่นจำเป็นต้องเรียนรู้ 3 ท่าเบสิคๆ ในการตกปลาด้วยชุดเบทคาสติ้งเสียก่อน โดยไม่ต้องมีความกังวลไปแต่อย่างใด เพราะทางเราจะมาสอนทั้ง 3 ท่านี้ ให้ลองทำตามกันได้เลย ซึ่งจะต้องเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณบ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้นอย่ามัวรอช้าอยู่เลยจะดีกว่า มาเรียนรู้ทั้ง 3 ท่าไปด้วยกันเลย

การตีแบบด้านข้าง

มาเริ่มต้นกันด้วยท่าแรกสุด อย่าง “การตีแบบด้านข้าง” หรือ “Side Cast” โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่มักจะถนัดด้านขวาเป็นพิเศษ ดังนั้นลักษณะในการยืนควรให้เท้าซ้ายนำเท้าขวาอยู่นิดหน่อย โดยให้การยืนมีความมั่นคงที่สุด รวมถึงพยายามเทน้ำหนักไปที่เท้าทั้งสองข้างในระดับที่พอๆ กัน จากนั้นแยกเท้าทั้งสองข้างออกจากกันอย่างพอประมาณ ส่วนขั้นตอนต่อมาถือว่าสำคัญมากๆ เราควรเล็งปลายคันเบ็ดไปยังเป้าหมายให้แม่นยำ ใช้สายตาจับจ้องที่เป้าหมายแบบไม่วอกแวก นำนิ้วโป้งด้านขวากดไว้ตรงหลอดเก็บสายที่ปลดฟรีเสร็จแล้ว ต่อด้วยการตีข้อมือไปทางขวา แล้วค่อยสะบัดข้อมือเพื่อตีเหยื่อไปสู่เป้าหมาย ซึ่งถ้าเกิดเราเล็งได้อย่างแม่นยำเพียงพอ การตกปลาจะไม่ยากเหมือนดั่งที่คิดอีกต่อไป

การตีข้ามหัว

สำหรับท่า “ตีข้ามหัว” คืออีกหนึ่งในท่าเบสิคๆ ที่ควรเรียนรู้เช่นเดียวกัน โดยเริ่มจากการใช้สายตากะระยะไปตรงบริเวณเป้าหมาย ยกคันเบ็ดขึ้นมาให้อยู่ในระดับตั้งฉากได้ ขั้นตอนต่อมาให้เราพับข้อมือไปด้านหลัง พยายามให้คันเบ็ดโน้มตัวลงทางด้านหลัง ในขณะที่แขนยังคงตั้งตรง ส่วนสายตาให้เพ่งเล็งไปตรงเป้าหมายอยู่เสมอ เมื่อเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวของปลาที่กำลังลดลง เราต้องรีบเคลียร์หลอดเก็บสาย เพื่อเป็นการชะลอความเร็ว โดยหลังจากปลายคันเบ็ดสัมผัสกับผิวน้ำเรียบร้อยแล้ว ควรหยุดการหมุนในทันที จากนั้นแนะนำให้อยู่เฉยๆ ไปก่อน ปล่อยให้เหยื่อจมลงไปสู่ภายในแม่น้ำช้าๆ และลากสายเบ็ดตามลงไปเองจะดีที่สุด ส่วนปลาจะมางับเหยื่อเมื่อไหร่นั้น คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา

การตีเหยื่อแบบด้านล่าง

ปิดท้ายการสอนท่าสุดเบสิค ด้วยท่า “ตีเหยื่อแบบด้านล่าง” แต่เอาจริงๆ ส่วนตัวจะไม่ค่อยแนะนำท่าดังกล่าวสักเท่าไหร่นัก เนื่องจากมีความแม่นยำน้อยกว่าท่าอื่นๆ ที่กล่าวมาพอสมควรเลย ยกเว้นเป็นคนที่ผ่านการฝึกฝนมาจนเกิดความชำนาญ จึงเป็นท่าที่บรรดาเหล่ามือใหม่ทั้งหลายไม่ควรนำมาใช้งาน แต่อย่างไรก็ควรเรียนรู้เทคนิคเบื้องต้นเอาไว้ เผื่ออาจจะเกิดสถานการณ์ที่จำเป็นต่อการใช้งาน ส่วนวิธีการใช้งานท่านี้จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ลองมาศึกษาไปพร้อมๆ กันเลย ขั้นตอนแรกต้องยืนให้ปลายเท้าขวานำหน้าปลายเท้าซ้ายนิดหน่อย พยายามเทน้ำหนักลงไปที่ปลายเท้าด้านซ้าย ยกคันเบ็ดขึ้นอย่างพอเหมาะเพื่อชี้ตรงเป้าหมาย โดยคันเบ็ดและท่อนแขนก็ควรอยู่แนวระนาบกับพื้นด้วย จากนั้นยกคันเบ็ดขึ้นมา ขณะที่ท่อนแขนเองก็ยกขึ้นมาเล็กน้อย โดยจิตใจต้องจดจ่ออยู่กับการหาระยะที่เหมาะสม เพื่อการปล่อยเหยื่อมุ่งไปสู่ผิวน้ำ ส่วนขั้นตอนสำคัญอย่างการตีเหยื่อ แนะนำให้หักข้อมือทิ้งปลายคันเบ็ด ต่อมาก็สะบัดปลายคันเบ็ดขึ้น ซึ่งต้องปล่อยเหยื่อลงไปสู่ผิวน้ำในช่วงเวลาเดียวกัน โดยสำหรับท่า “ตีเหยื่อแบบด้านล่าง” ที่เพิ่งอธิบายมานี้ ต้องใช้ต่อเมื่อเป้าหมายอยู่ภายในระยะไม่ห่างจากตัวเรานัก

เอาจริงๆ ท่าในการตกปลาที่ดีอาจจะไม่ตายตัว มันขึ้นอยู่กับว่าเรามีความชำนาญท่าไหนเป็นพิเศษมากกว่า หากเราพบท่าที่เหมาะสมกับตัวเราเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถนำท่าดังกล่าวมาปรับใช้งานกับสถานการณ์จริงได้เลย แต่คนไหนเริ่มตกปลาด้วยท่าเหล่านั้นจนเกิดความชำนาญแล้ว ไม่อยากให้ทุกคนยึดติดกับท่าเดิมๆ จนเกินไป ควรพยายามศึกษาท่าตกปลาที่แปลกใหม่เพิ่มเติมด้วย เพื่อให้การตกปลาของเรามีความท้าทายอย่างที่ควรจะเป็น โดยคนบางส่วนอาจจะมองข้ามความสำคัญของสิ่งเหล่านี้ เพราะคิดว่าเพียงแค่ต้องการให้ปลางับเหยื่อก็เพียงพอแล้ว แต่การเข้าสังคมกับกลุ่มนักตกปลามืออาชีพด้วยกันนั้น เรื่องที่กล่าวมาพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรศึกษาเอาไว้ เพื่อให้สามารถคุยกับคนอื่นๆ ได้รู้เรื่อง